ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

ศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

01 ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

ศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า SRS (Sex Reassignment Surgery) เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ผู้ที่มีเพศกำเนิดเป็นชายสามารถปรับเปลี่ยนสรีระภายนอกให้ใกล้เคียงกับเพศหญิงตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถแสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองได้อย่างมั่นใจและมีความสุขมากขึ้น

การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงต้องดำเนินการโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนจะรวมถึงการสร้างช่องคลอดใหม่ การจัดรูปอวัยวะเพศภายนอกให้เหมือนกับเพศหญิง และการปรับแต่งรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

The SiB Clinic หนึ่งในคลินิกที่ได้รับความไว้วางใจในด้านศัลยกรรมแปลงเพศ โดยมีทีมศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุดสำหรับคนไข้ นอกจากนี้ The SiB ยังให้ความสำคัญกับการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังการผ่าตัด

คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ

  1. ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ หากน้อยกว่า 20 ปี ต้องมีจดหมายรับรองจากผู้ปกครองในการยินยอมเรื่องการผ่าตัดแปลงเพศ
  2. ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องได้รับฮอร์โมนเพศหญิงติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี
  3. มีความรู้สึกเป็นผู้หญิงมานานแล้ว
  4. ใช้ชีวิตแบบผู้หญิงมาไม่น้อยกว่า 2 ปี
  5. รังเกียจอวัยวะเพศของตนเอง คิดว่าเป็นส่วนเกิน
  6. ได้รับการประเมิณสภาพจากจิตแพทย์ และได้รับการรับรองจากจิตแพทย์ ว่าอยู่ในสภาวะที่เหมาสมที่จะทำการผ่าตัดแปลงเพศ
  7. ร่างกายสมบูรณ์ คนรอบข้างยอบรับในสิ่งที่คุณเป็น

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดแปลงเพศ

  1. ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อแพทย์ที่ทำการผ่าตัดจะได้ทราบถึงสภาพความพร้อม ของร่างกาย
  2. ควรหยุดยาฮอร์โมนล่วงหน้า 1 เดือน
  3. งดวิตามิน อาหารเสริม 2 สัปดาห์
  4. งดสูบบุหรี่ 1 เดือน และงดแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์
  5. ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย 2-3 วัน เพื่อให้ภายในลำไส้มีการตกค้างของกากอาหารน้อยลงก่อนการเข้ารับการผ่าตัด

เทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศ (ชายเป็นหญิง) 3 วิธี

ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงต้องดำเนินการโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนจะรวมถึงการสร้างช่องคลอดใหม่ การจัดรูปอวัยวะเพศภายนอกให้เหมือนกับเพศหญิง และการปรับแต่งรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
          การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง (Male-to-Female Gender Confirmation Surgery) มีหลากหลายเทคนิคในการสร้างช่องคลอด (Vaginoplasty) โดยแต่ละเทคนิคจะเลือกใช้วัสดุจากร่างกายที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายและได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด เทคนิคที่นิยมมีดังนี้:

1. Penile Skin Inversion (สร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชาย)

เทคนิคนี้เป็นวิธีพื้นฐานและใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด:

  • ใช้ ผิวหนังของอวัยวะเพศชาย (Penile Skin) พลิกกลับด้าน (Inversion) เพื่อสร้างช่องคลอด
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอวัยวะเพศชายขนาดใหญ่พอสมควรและมีผิวหนังเพียงพอสำหรับการสร้างความลึกของช่องคลอด
  • ข้อดี:
    • เทคนิคง่ายกว่าแบบอื่น ใช้เวลาผ่าตัดและฟื้นตัวน้อยกว่า
    • ผลลัพธ์ใกล้เคียงธรรมชาติ ทั้งด้านความลึกและรูปลักษณ์ภายนอก
  • ข้อจำกัด:
    • หากผิวหนังไม่เพียงพอ (เช่น มีขนาดเล็กหรือเคยขลิบหนังหุ้มปลาย) อาจไม่สามารถสร้างช่องคลอดที่ลึกได้ตามต้องการ

2. Penile Skin Inversion + Scrotal Skin Graft (สร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับผิวถุงอัณฑะ)

เทคนิคนี้เป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวหนังที่ใช้สร้างช่องคลอด:

  • นอกจากใช้ผิวหนังจากอวัยวะเพศชายแล้ว ยังนำ ผิวหนังของถุงอัณฑะ (Scrotal Skin) มาผสมเพื่อเพิ่มความลึกและปริมาณของผิวหนัง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่:
    • ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศชายมีปริมาณไม่เพียงพอ
    • ต้องการช่องคลอดที่ลึกกว่าแบบ Penile Skin Inversion เพียงอย่างเดียว
  • ข้อดี:
    • ได้ช่องคลอดที่ลึกและกว้างเพียงพอ
    • ผลลัพธ์ด้านรูปลักษณ์และความรู้สึกใกล้เคียงธรรมชาติ
  • ข้อจำกัด:
    • ต้องการความเชี่ยวชาญสูงและใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า

3. Sigmoid Colon + Penile Skin Inversion (สร้างช่องคลอดจากลำไส้ใหญ่ร่วมกับผิวหนังอวัยวะเพศชาย)

เทคนิคนี้ใช้ ลำไส้ใหญ่ส่วนซิกมอยด์ (Sigmoid Colon) ร่วมกับผิวหนังอวัยวะเพศชาย:

  • เหมาะสำหรับผู้ที่:
    • ต้องการช่องคลอดที่ลึกมากเป็นพิเศษ
    • มีปัญหาผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศไม่เพียงพอ เช่น เคยผ่าตัดมาก่อน หรือมีเนื้อเยื่อเสียหาย
  • ข้อดี:
    • ช่องคลอดที่สร้างขึ้นมี ความลื่น และ ชุ่มชื้น โดยธรรมชาติ เพราะลำไส้ใหญ่มีต่อมสร้างสารหล่อลื่น
    • ผลลัพธ์ระยะยาวดี และลดปัญหาการแห้งของช่องคลอด
  • ข้อจำกัด:
    • การผ่าตัดซับซ้อนกว่าวิธีอื่น ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
    • เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ หรือการรั่วของลำไส้ในช่วงแรกหลังผ่าตัด

การเลือกเทคนิคที่เหมาะสม

Thesib Clinic ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

การเลือกวิธีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:

  • ความต้องการของผู้ป่วยในด้านความลึกและลักษณะของช่องคลอด
  • ปริมาณและคุณภาพของผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ
  • สุขภาพร่างกายโดยรวม และความพร้อมสำหรับการผ่าตัดที่ซับซ้อน

ทีมแพทย์จะช่วยวางแผนร่วมกับผู้ป่วยเพื่อเลือกวิธีที่ตอบโจทย์มากที่สุด ทั้งในด้านความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว

การเลือกว่าเทคนิคไหนเหมาะสม  คนไข้สามารถตัดสินใจโดย  ก่อนการแปลงเพศ ถ้าองคชาติ (ระหว่างแข็งตัว)

  • ผู้ที่มีองคชาติยาว (>6 นิ้ว) = สามารถแปลงเพศแบบปกติ ซึ้งหลังทำการผ่าตัด สามารถทำช่องคลอดเทียมได้ลึกกว่า 6 นิ้ว
  • ผู้ที่มีองคชาติยาวปานกลาง (2 – 6 นิ้ว) =สามารถแปลงเพศแบบปกติ ได้ โดยใช้เทคนิค Scrotal Skin graft ร่วมด้วย ซึ้งหลังทำการผ่าตัด สามารถทำช่องคลอดเทียมได้ลึกกว่า 4-6 นิ้ว
  • ผู้ที่มีองคชาติสั้น (<2 นิ้ว)  = แนะนำให้แปลงเพศด้วยการใช้ลำไส้ร่วมด้วย จะทำให้สามารถ สร้างช่องคลอดเทียมได้ลึกมากกว่า 6 นิ้ว
  • สร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ ทำเป็นผนังช่องคลอด เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นผู้หญิง เพราะลำไศ้ใหญ่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ มีช่องคลอดที่ยาวกว่าผิวสัมผัสเรียบ ไม่หยาบ และไม่มีขน เหมาะกับในรายที่อวัยวะเพศสั้นโดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่มาต่อกับผิวหนังของอวัยวะชาย เพื่มเพิ่มความลึกของช่องคลอด
  • สร้างช่องคลอดโดยใช้ผนังจากองคชาต และผิวหนังจากถุงอัณฑะ หรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด เพื่อเพิ่มความลึกของบ่องคลอด ให้ได้ตามที่ต้องการและเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนผิวหนังส่วนอื่นศัลยแพทย์อาจจะพิจารณานำผิวหนังจากที่อื่นๆเช่น ขาหนีบ หน้าท้อง ต้นขา มาเพิ่มเป็นผนังช่องคลอดให้ความลึกเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก
  • การนำเอาผิวหนังขององคชาต สอดกลับเข้าไปตกแต่งทำเป็นช่องคลอด วิธีที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน ภาวะแทรกซ้อนต่ำ แพทย์ส่วนใหญ่นิยมกัน ข้อเสียไม่เหมาะกับผู้ที่มีอวัยวะสั้นกว่า 4 นิ้ว เพราะจะทำให้ช่องคลอดไม่ลึก ระยะยาวหนังหุ้มช่องคลอดมักจะย้อยออกมา

การดูแลหลังการผ่าตัดแปลงเพศ (ชายเป็นหญิง)

Thesib Clinic 24 ชั่วโมง ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

  • หลังการผ่าตัดจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 5-7 วัน เพื่อจะได้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยคนไข้ต้องปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด
  • หลังผ่าตัดในระยะแรก ควรนอนในท่าที่ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน โดยอาจใช้ผ้าห่มหรือหมอนกั้นกางไว้ เพื่อไม่ให้แผลผ่าตัดถูกกดทับ
  • ทาขึ้ผึ้งรักาบริเวณแผล รูเปิดท่อปัสสาวะ และคลิทอริสทุกครั้งหลังอาบน้ำ
  • การป้องกันไม่ให้ช่องคลอดตีบตัน ด้วยการใส่วัสดุขยายช่องคลอดเทียม โดยเริ่มจากขนาดเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มความกว้างและความยาวตามลำดับ พยายามรักษาความลึกของช่องคลอดเทียม ในช่วง 3 สัปดาห์แรก สอดวัสดุขยายคาไว้ในช่องคลอด ครั้งละ 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง หลังจากผ่าน 3 สัปดาห์ไปแล้ว ให้ใช้วัสดุขยายช่องเทียมที่ใหญ่ขึ้น และให้ทำการสอดเข้า- ออก เหมือนลักษณะการมีเพศสัมพันธ์
  • ควรปฎิบัติทุกวัน ทำต่อเนื่อง ประมาณ 6 เดือน หลังจาก 6 เดือนให้ขยายช่องคลอดวันละ 1 ครั้งจนครบ 1 ปี เพื่อไม่ให้ช่องคลอดเทียมตีบแคบ ซึ่งสามารถมีเพศสัมพัธ์ได้หลังการผ่าตัดประมาณ 2-3เดือน

          สำหรับผู้ที่สนใจศัลยกรรมแปลงเพศชายเป็นหญิง การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ The SiB Clinic เป็นก้าวแรกที่สำคัญ แพทย์จะช่วยประเมินสภาพร่างกายและให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีความมั่นใจและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของตนเอง