ก่อนที่สาวๆจะเสริมหน้าอกคงเคยมีคำถามในใจว่า “ควรเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองหรือซิลิโคนดีค่ะ” เป็นคำถามหนึ่งที่มักสอบถามกันเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่น้อยไปกว่าการที่เสริมทรงไหนเลย ซึ่งต้องบอกก่อนว่าทั้งสองอย่างสามารถทำได้จริงด้วยเทคโลโนยีทางการแพทย์และเทคนิคของศัลยแพทย์ผ่าตัด แต่หากถามว่าควรทำแบบไหนมากกว่ากัน เรามีข้อมูลที่น่าสนใจมาให้ดูกันค่ะ
การเสริมหน้าอกในวงการแพทย์ปัจจุบันมีด้วยกัน 2 วิธีนั้นคือการเสริมด้วยถุงซิลิโคนทรงต่างๆ และการเสริมด้วยการฉีดไขมันของตัวเองเข้าสู่หน้าอก
เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันของตัวเอง
คือ การนำเอาไขมันในร่างกายของตัวเองจากส่วนต่างๆ เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา มาฉีดเสริมเพื่อสร้างเต้านมใหม่ ถือเป็นเทคนิคที่ทำได้ง่าย และได้ผลดี
- สามารถปรับแต่งเต้านมให้ได้รูปสวยดูเป็นธรรมชาติ
- เหมาะสำหรับคนที่มีหน้าอกเล็กถึงปานกลาง หรือในผู้ป่วยที่เคยได้รับรังสีรักษาบริเวณทรวงอกและมีเนื้อเยื่อหรือผิวหนังถูกทำลายจากการฉายแสง
- ช่วยฟื้นฟูผิวหนังบริเวณหน้าอกให้ดีขึ้น
- ผลพลอยจากการฉีดไขมันตัวเอง คือ ช่วยลดไขมันไม่ต้องการได้ ส่งผลให้มีรูปร่างสัดส่วนสวยงามขึ้น
- โดยทั่วไปจะฉีดไขมันเพิ่มเข้าไปเล็กน้อย เผื่อการสูญเสียไขมันที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจจะสลายเหลือเพียง 70-80% ของปริมาณทั้งหมด
- การบาดเจ็บ ของเนื้อเยื้อน้อยกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน
- เป็นไขมันของตัวเองที่ถูกฉีดกลับเข้ามาในร่างกาย ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการเกิดผังผืด
ขั้นตอนการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันของตัวเอง
- ดูดไขมันจากส่วนต่างๆที่ไม่พึงประสงค์
- นำไขมันที่ได้มาปั่นแยกไขมันดีและไม่ดีออกจากกัน
- นำไขมันดีที่ได้จากการปั่นมาฉีดบริเวณที่มาร์คไว้
ภาวะแทรกซ้อนจากการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันของตัวเอง
- การสลายของไขมันที่ฉีดไป ทำให้ต้องเข้ารับการฉีดเพิ่มเติมในภายหลัง
- อาจเกิดถุงไขมันหรือหินปูนหลังการผ่าตัด
เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
คือ การผ่าตัดเปิดแผลบริเวณ ใต้ราวนม รักแร้ หรือสะดือ โดยใช้ยาสลบร่วมด้วย อาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์เพื่อเลาะโพรงด้านในให้เหมาะสมกับขนาด พื้นผิว และทรงของซิลิโคน รวมถึงการเย็บแผล
- มีขนาดให้เลือกมากมายตามความต้องการ
- เป็นวิธีการเสริมหน้าอกที่ได้รับความนิยมและปลอดภัยมากที่สุด
- เมื่อซิลิโคนอยู่ทรงแล้ว จะความคล้ายคลึงกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก
- การเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ต้องผ่าตัด ทำให้มีอาจระยะเวลาการพักฟื้น
- เนื่องจากเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้มีโอกาสการเกิดผังผืดได้
- อายุซิลิโคนส่วนอยู่จะอยู่ที่ 10-15 ปี หากต้องการใช้งานต่อ สามารถเช็คด้วย Memmogram
- ซิลิโคนบางยี่ห้อมีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน
- หากไม่พอใจในขนาดหรือต้องการถอดซิลิโคน สามารถทำได้
ขั้นตอนการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
- วิสัญญีแพทย์ให้คนไข้ดมยาสลบ
- ศัลยแพทย์จะทำการฉีดยาชา ทั่วบริเวณที่ทพการผ่าตัด
- เปิดแผลผ่าตัด เลาะไปที่โพรงใต้กล้ามเนื้อ โดยทำการเลาะโพรงให้พอดีกับขนาดซิลิโคน
- ใส่ซิลิโคนและวางซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ทำการหยุดเลือด ทั่วบริเวณที่ทำการผ่าตัด
- เย็บปิดแผล เย็บกล้ามเนื้อ ไขมัน และผิวหนัง
ภาวะแทรกซ้อน
- การเกิดผังผืดบริเวณซิลิโคน
- ความรู้สึกที่บริเวณหัวนมหรือเต้านมลดลง อาจชั่วคราวหรือถาวร
- การเกิดภาวะ เลือดคั่ง อักเสบติดเชื้อ
- การใส่ขนาดที่ใหญ่เกินไป อาจทำให้หลังรับภาวะมากเกินไปเกิด อาการปวดหลัง
- การใส่ใหญ่เกินไป จะพบว่าหน้าอกเป็นริ้ว เป็นลอนได้หรือ คลำขอบซิลิโคนได้
การเสริมหน้าอกทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นสาวๆควรศึกษาข้อมูลให้ระเอียด หากทำไปแล้วจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง และเราหวังว่าข้อมูลที่เอามาฝาก จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าจะเสริมหน้าอกแบบใดนะคะ