หลังการทำศัลยกรรม คุณหมอจะมีคำแนะให้ปฏิบัติตาม อาทิ งดทานของแสลง งดวิตามินต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของงดการสูบบุหรี่ ฟังดูเป็นเรื่องที่เหมือนไม่มีผลกระทบกับการทำศัลยกรรม แต่จริงๆแล้วแฝงไปด้วยผลกระทบที่มีผลต่อบาดแผลเป็นอย่างมาก เพราะบุหรี่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์แล้วว่า มีผลต่อการฟื้นฟูของบาดแผล ทำให้บาดแผลหายช้าลง เพิ่มโอกาสการอักเสบและติดเชื้อของบาดแผล มีผลต่อบาดแผลทุกประเภท
หากเป็นคนสูบบุหรี่อยู่แล้ว ควรทำอย่างไร?
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการวางแผน เช่น ปกติสูบบุหรี่วันละกี่มวล จากนั้นลดจำนวนของบุหรี่ให้น้อยลงเรื่อยๆ พยายามดื่มน้ำให้มากเข้า เพื่อให้ร่างกายเอาสารนิโคตินออกไป
หากไม่สามารถหักห้ามใจได้ต้องทำเช่นไร
หากทำใจได้ ก็ยังมีหมากฝรั่งที่ช่วยบรรเทาอาการอยากบุหรี่ หรือจะเป็นการนำมะนาวมาหั่นเป็นนชิ้นเล็กๆ ใส่กล่องพกติดตัวไว้ เมื่อมีความรู้สึกต้องการสูบบุหรี่ก็หยิบมะนาวขึ้นมาอมและเคี้ยวเปลือกมะนาวด้วย รสขมของผิวมะนาวจะทำให้รู้สึกขมที่คอ จนไม่อยากสูบบุหรี่
สารในบุหรี่ประกอบไปด้วย
1.นิโคติน (Nicotine)
- ผลต่อหลอดเลือดตีบตัวทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงแผลน้อยลง จึงฟื้นฟูแผลได้ช้าลง ทำให้เนื้อเยื่อตาย
- ทำให้เกร็ดเลือดจับตัวแน่นขึ้นส่งผลให้ไปอุดตันหลอดเลือดฝอย
- ขัดขวางการทำงานของเซลล์อื่นๆ เช่น เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เซลล์ไฟโบรบลาส ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการสร้างความแข็งแรงในขณะที่ฟื้นฟูบาดแผล
2.คาบอนมอนอไซด์ (Carbon Monoxide)
- ขัดขวางกระบวนการขนส่งออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
3.ไฮโดรเจน ไซยาไนน์ ( Hydrogen Cyanide)
- สารยับยั้งระบบเอมไซด์ของกระบวนการฟื้นฟูบาดแผลในระดับเซลล์
สารทั้ง 3 ชนิดมีผลโดยตรงต่อการฟื้นฟูบาดแผล ยังไม่นับรวมกับสารอื่นๆที่ผสมอยู่ในบุหรี่ด้วย หากสามารถงดบุหรี่หลังศัลยกรรมได้จะส่งผลให้เลือดหล่อเลี้ยงบริเวณแผลที่ผ่าตัดมากขึ้น เป็นผลดีต่อเซลล์ในร่างกาย ช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูบาดแผลมีระยะเวลาที่สั้นและยังส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณด้วย